เมื่อหมอโดนต่อย… sad อย่าบ่อย…. แพทย์แผนไทยช่วยได้

เมื่อหมอโดนต่อย… sad อย่าบ่อย…. แพทย์แผนไทยช่วยได้

การรักษาในทางการแพทย์แผนไทย

โดยแพทย์แผนไทยพิรมน การย์กุลวิทิต และผู้ช่วยศาสตราจารย์ทักษอร ศรีสังขจร

คลินิกการแพทย์แผนไทยเบญจอโรคยา เมืองใหม่ชลบุรี

วันนี้หมอจะมาเล่าประสบการณ์ตรงล่าสุดที่โดนมากับตัว หมอโดนต่อยค่ะ…. ใช่ค่ะ…. หมอโดนต่อยจริงๆ ไม่ใช่ใครที่ไหนมาต่อยนะ แต่โดนต่อต่อยจนน่วมค่ะ อย่าชะล่าใจไปเพราะการถูกแมลงสัตว์กัดต่อยจำพวกผึ้ง ต่อ แตน หรือมด สามารถทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแพ้รุนแรงถึงแก่ชีวิตได้

อาการที่หมอจะเล่านี้เพื่ออธิบายเป็นความรู้แบบกินง่ายย่อยง่ายว่าทางการแพทย์แผนไทยมองยังไงและรักษายังไง ในเรื่องของมิติเวลา พฤติกรรม ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นความรู้ในการพึ่งพาตนเองได้

วันที่ 1 เวลาประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง ในขณะที่หมอกำลังเพลิดเพลินกับการทำสวนอย่างเมามัน หมอเห็นแล้วแหละว่ามีตัวต่อบินผ่านไปผ่านมา 1 ตัว ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะถือว่าต่างคนต่างอยู่ มารู้ตัวอีกทีโดนต่อยเข้าซะแล้ว แหม… 1 ตัวรัวต่อยซะหลายหมัดเลยนะ สรุปโดนต่อยตรงหัวกับนิ้วมือเพราะต้องรีบปัดออก แล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน ด้วยความฉุกละหุกจึงต้องรีบหายาสมุนไพรเท่าที่มีในบ้านเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน หมอจึงรีบใช้น้ำมะนาวที่มีอยู่ในตู้เย็นมาบีบใส่แผลที่โดนต่อย เพราะน้ำมะนาวมีสรรพคุณฆ่าเชื้อ ลดอักเสบ สะตุเหล็กในได้ แล้วก็หาใบรางจืดมากินสดเพื่อล้างพิษให้เร็วที่สุด

หลังจากนั้นไม่นานศีรษะเริ่มบวม มือเท้าบวม ตาบวม น้ำตาไหลแสบตา ผื่นแดงขึ้นทั้งตัวทั้งในและนอกร่มผ้า

อยากนอน หนาว หัวใจเต้นรัว รู้สึกหลอดลมเริ่มตีบ ในทางการแพทย์แผนไทยพิษของแมลงเป็นการกระตุ้นให้ไฟธาตุของร่างกายเราร้อน การกระทบกับธาตุไฟนั้นจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเลือดและน้ำเหลือง (นั่นก็คือ ภูมิแพ้ในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน) ดังนั้น การขจัดพิษความร้อนออกจากเลือดและน้ำเหลืองในทางการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “การกระทุ้งพิษไข้” เพื่อเป็นการปรับสมดุลระบบภูมิคุ้มกันใหม่นั่นเอง (“ไข้” ในความหมายของแพทย์แผนไทยหมายรวมถึงการเจ็บป่วยในกาย) เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นพิษในร่างกาย ร่างกายเราจะผลักออกตามกลไกธรรมชาติในรูปแบบของการถ่ายท้อง ปัสสาวะ อาเจียน เหงื่อออก น้ำตาไหล ผื่นขึ้นตามตัว เพื่อส่งสัญญาณบอกเราว่าตอนนี้กำลังจะระบายพิษร้อนในร่างกายออกไปอยู่นะ ในกรณีของหมอหลังจากที่ทานรางจืดไปแล้ว หมอทานยาตามด้วยตำรับประสะจันทร์แดง (ตามเท่าที่หาได้ตอนนั้น) เพื่อลดพิษร้อนในร่างกาย หลังจากทานไปไม่นาน หมอถ่ายท้องอย่างหนัก พอถ่ายท้องออกไปแล้วผื่นตามตัวลดลง สักพักหมอทานรางจืดซ้ำอีกโดยนำ

ใบรางจืดมาต้มกับน้ำแล้วดื่มไป 1 แก้ว ทำให้รู้สึกอยากถ่ายท้องแต่ไม่ถ่าย คราวนี้กลับอาเจียนแทน 3 ครั้ง หลังจากนั้นหมอทานยาห้าราก (เพิ่งหาเจอในบ้าน) รู้สึกผื่นตามตัวลดลง เบาตัวมากขึ้น หายใจดีขึ้น หมอกินยาสลับวนไปพร้อมกับยาตำรับสมุนไพรถอนพิษตำรับของคลินิกแบบนี้ทุก 1 ชั่วโมง จนสี่ทุ่มลุกขึ้นไปอาบน้ำได้

เช้าวันที่ 2 อาการหน้าบวม หัวบวม มือเท้าบวมเหลือเพียงเล็กน้อย ผื่นแดงหายไป หายใจได้ปกติ แต่ยังมีอาการโหวงๆ แบบเพิ่งสร่างไข้เล็กน้อย หมอทานยาต้มรางจืด 1 แก้ว แล้วทานยาตำรับสมุนไพรถอนพิษตำรับของคลินิกเหมือนวันแรก แต่ทานห่างขึ้นทุก 4 ชั่วโมง ทานยาวนไปเรื่อย ๆ จนมีอาการดีขึ้นสามารถขับรถเข้ากรุงเทพได้เอง วันนี้เป็นวันที่กรุงเทพฯ โดน PM 2.5 หนักมาก อากาศไม่น่าอภิรมย์ซะเท่าไหร่ แถมซ่าไปทานอาหารปิ้งย่างเกาหลีอีกในช่วงบ่าย พอกลับมาบ้านตอนสี่ทุ่ม อยู่ ๆ ตามข้อพับแขนขาผื่นแดงคันขึ้นมา จึงทานยาตำรับห้ารากเพื่อกระทุ้งพิษไข้ขับพิษร้อนออก ผื่นแดงจึงขึ้นมากกว่าเดิม นอนหลับไปตื่นมาอีกทีตอนตี 2 เพราะคันมาก จึงตื่นมาทานยาตำรับประสะจันทร์แดง แล้วสามารถนอนหลับต่อได้ถึงเช้า

ว่ากันตามทางการแพทย์แผนไทยแล้ว ช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสองเป็นเวลาของปิตตะ (ไฟ) และกลางคืนอากาศจะเย็นกว่ากลางวัน เพื่อรักษาความสมดุลตัวเราจึงร้อนในเวลากลางคืนมากกว่ากลางวัน ส่งผลให้เลือดร้อน ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ร่างกายกำลังฟื้นฟูภายใน เป็นเวลาที่ตับขจัดของเสียออก เลือดจึงร้อนในเวลาดังกล่าว ทำให้ออกผื่นเยอะตามผิวหนังในเวลานี้

เช้าวันที่ 3 อาการบวมที่หัว ใบหน้า มือและเท้ายุบลงแล้ว ไม่ค่อยได้ทานยาอะไรแล้ว แต่ช่วงตอนบ่ายออกอาการปวดตามข้อมือและเมื่อยมือ ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยหากกระทุ้งพิษออกไม่หมด พิษจะเข้าตามข้อต่างๆ ของร่างกาย แถมวันก่อนไปทานอาหารปิ้งย่าง กิมจิของดอง ซึ่งถือว่าเป็นของแสลงต่อโรค การที่พิษยังค้างอยู่ในเลือด พิษก็คือความร้อน เมื่อมีความร้อนเยอะ ทำให้ธาตุไฟแรง พอไฟแรงส่งผลให้ธาตุลมแรงไปด้วย (ไฟกับลมเป็นของคู่กัน) และเวลาที่หมอปวดตามข้อเกิดขึ้นในช่วงเวลาบ่าย ซึ่งเป็นเวลาวาตะ (ลม) ทำงาน จึงทำให้มีอาการปวดตามข้อ สรุปคือของเก่ายังกระทุ้งออกไปไม่หมดดี (พิษที่โดนต่อต่อย) แถมจัดของใหม่มาเติมอีก (อาหารย่อยยาก ของหมักดอง อากาศเป็นพิษ) ทำให้หมอมีอาการปวดตามข้อดังที่เล่าอาการไปด้วยประการฉะนี้แล

วันที่ 4 ทุกอย่างเข้าสู่โหมดปกติดีเรียบร้อย

การถูกแมลงสัตว์กัดต่อยจนมีอาการแพ้รุนแรง ทุกนาทีสำคัญที่จะรักษาชีวิตเราเอาไว้ หมอจึงเล่าการดูแลปฐมพยาบาลในทางการแพทย์แผนไทยที่หมอได้รับประสบการณ์ตรงในการถูกต่อต่อยและมีอาการแพ้ไว้เป็นความรู้ในการดูแลตัวเองเบื้องต้น ทั้งนี้ การใช้ยาสมุนไพรควรอยู่ในความดูแลของแพทย์แผนไทย เพื่อความปลอดภัยไร้กังวล

#เพราะชีวิตมีอะไรให้สนุกอีกเยอะ #ชีวิตดีไม่ต้องยาก

#คลินิกการแพทย์แผนไทยเบญจอโรคยา ถ.พระยาสัจจา เมืองใหม่ จ.ชลบุรี

นัดคิวตรวจล่วงหน้า เพราะหมออยากมีเวลาคุยกับคนไข้

Line ID: @benchaarokaya        FB: Bencha Arokaya        www.benchaarokaya.com